โรคที่สำคัญของดาวเรืองและการป้องกัน
โรคใบจุดAlternariasp.
อาการใบเริ่มมีอาการใบจุดสีขาวแล้วเนื้อเยื้อตรงกลางแผลจะแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเนื้อใบที่มีแผลหลายแผลจะค่อยๆแห้งร่วงหล่นทำให้ต้นทรุดโทรม(ระบาดในช่วงฤดูฝนและในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง)
อาการใบเริ่มมีอาการใบจุดสีขาวแล้วเนื้อเยื้อตรงกลางแผลจะแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเนื้อใบที่มีแผลหลายแผลจะค่อยๆแห้งร่วงหล่นทำให้ต้นทรุดโทรม(ระบาดในช่วงฤดูฝนและในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง)
การป้องกันและกำจัด
1.เก็บใบที่ร่วงหล่นเผาทำลายเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อ
2.ระมัดระวังการให้น้ำ เพราะเชื้อสามารถแพร่กระจายไปกับละอองน้ำจากต้นที่เป็นโรค ไปยังต้นที่ปกติ
คลอโรธาโลนิล 20-30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
แมนโคแซบ 50-100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
ไอโพรไดโอน 20-30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
ระยะเวลาที่สมควรในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด
1.เก็บใบที่ร่วงหล่นเผาทำลายเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อ
2.ระมัดระวังการให้น้ำ เพราะเชื้อสามารถแพร่กระจายไปกับละอองน้ำจากต้นที่เป็นโรค ไปยังต้นที่ปกติ
คลอโรธาโลนิล 20-30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
แมนโคแซบ 50-100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
ไอโพรไดโอน 20-30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
ระยะเวลาที่สมควรในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด
โรคดอกเน่า Colletotrichum sp.
อาการโดยดอกที่เกิดโรคจะเน่าเป็นสีน้ำตาลโดยเฉพาะถ้าหากเกิดในระยะที่ดอกกำลังเริ่มเป็นดอกตูมจะทำให้ดอกไม่สามารถบานได้หากเชื้อเข้าทำลายในระยะที่ดอกบานจะพบว่ากลีบดอกจะมีสีน้ำตาลลามเข้าไปทาง โคนกลีบ ทำให้ดอกมีสีน้ำตาลดำ เชื้อเข้าทำลายจากดอกลามสู่ลำต้น (ระบาดในช่วงฤดูฝนและในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง)
อาการโดยดอกที่เกิดโรคจะเน่าเป็นสีน้ำตาลโดยเฉพาะถ้าหากเกิดในระยะที่ดอกกำลังเริ่มเป็นดอกตูมจะทำให้ดอกไม่สามารถบานได้หากเชื้อเข้าทำลายในระยะที่ดอกบานจะพบว่ากลีบดอกจะมีสีน้ำตาลลามเข้าไปทาง โคนกลีบ ทำให้ดอกมีสีน้ำตาลดำ เชื้อเข้าทำลายจากดอกลามสู่ลำต้น (ระบาดในช่วงฤดูฝนและในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง)
การป้องกันและกำจัด
1.หากพบว่ามีอาการของโรคภายในแปลงปลูกให้เก็บแล้วเผาทำลายเพื่อป้องกันการระบาดของโรคไปยังต้นอื่นๆ
2.ให้ระมัดระวังการให้น้ำอย่าให้ชุ่มมากจนเกินไปโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีอากาศร้อน นอกจากนี้ในแปลงปลูกหากสามารถใช้ระบบน้ำหยด
จะสามารถลดการเปียกของต้นทำให้ลดการระบาดของโรคได้เป็นอย่างมาก
คลอโรธาโลนิล20-30กรัม/น้ำ20ลิตร
ไซเนบ 50-100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
คาร์เบนดาซิม 30 กรัม,30 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด
1.หากพบว่ามีอาการของโรคภายในแปลงปลูกให้เก็บแล้วเผาทำลายเพื่อป้องกันการระบาดของโรคไปยังต้นอื่นๆ
2.ให้ระมัดระวังการให้น้ำอย่าให้ชุ่มมากจนเกินไปโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีอากาศร้อน นอกจากนี้ในแปลงปลูกหากสามารถใช้ระบบน้ำหยด
จะสามารถลดการเปียกของต้นทำให้ลดการระบาดของโรคได้เป็นอย่างมาก
คลอโรธาโลนิล20-30กรัม/น้ำ20ลิตร
ไซเนบ 50-100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
คาร์เบนดาซิม 30 กรัม,30 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด
โรคเหี่ยวเหลือง Fusarium sp.
อาการ เริ่มจากใบดาวเรืองที่อยู่บริเวณโคนต้นแสดงอาการใบเหลือง แล้วแห้งลามขึ้นมาสู่ส่วนบนจนในที่สุดใบจะเหลืองและแห้งตายไปทั้งต้น ส่วนของลำต้นจะมีลักษณะแบนลีบและเหี่ยวไปด้วย ลำต้นบริเวณคอดินหรือเหนือดินเล็กน้อย มักมีสีแดงหรือสีคล้ำกว่าส่วนอื่น ท่อน้ำเลี้ยงแห้งเป็นสีน้ำตาล (เชื้อโรคนี้จะเริ่มเข้าทำลายในช่วงหลังจากย้ายปลูก 40-45 วันหลังย้ายปลูกช่วงดาวเรืองเป็นตุ่มตาดอก)
การป้องกันและกำจัด
1. เมื่อพบต้นเป็นโรค ให้ถอนทิ้งและเผาทำลาย ห้ามทิ้งในแปลงและลงในน้ำ เด็ดขาด
2. หลังจากถอนต้นทิ้งขุดดินบริเวณนั้นตากแดด
3. ปรับเปลี่ยนวิธีการให้น้ำในแปลง อย่าให้น้ำไหลผ่านบริเวณที่เป็นโรคไปยัง ต้นอื่น (ถึงแม้ถอนต้นที่เป็นโรคทิ้งแล้วก็ตามเพาะเชื้อตัวนี้สามารถ แพร่กระจายไปกับน้ำได้)
4. การดูแลรักษาแปลงปลูก ในช่วงที่พืชกำลังเจริญเติบโตและก่อนออกดอกให้ หมั่นตรวจแปลง ถ้าพบต้นมีอาการผิดปกติ หรือแสดงอาการเป็นโรคให้เห็น ให้รีบถอนทิ้งและทำลายพร้อมขุดดินส่วนนั้นผึ่งแดดทิ้งไว้ ในการกำจัดต้นที่เป็นโรคในแปลงควรกำจัดทั้งรากออกให้หมด ในกรณีที่ต้นเป็นโรคอยู่ในระยะ ช่วงที่กำลังลุกลามหรือต้นแสดงอาการเหี่ยวแล้ว เชื้ออาจลุกลามไปยังต้น ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นวิธีการกำจัดต้องถอนต้นที่อยู่ใกล้เคียงกับต้นที่เป็นโรคทิ้งด้วยแม้ ต้น นั้นจะยังไม่แสดงอาการ
เบนโนมิล 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
ไธโอฟาเนทเมททิล
เทอร์ราคลอ (ใช้พ่นทางดิน) 60 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด
โรคเหี่ยวเขียว Rastunia
อาการ เริ่มจากใบดาวเรืองที่อยู่บริเวณยอดด้านบนแสดงอาการเหี่ยวสลด แล้วใบจะลู่ลงเหมือนอาการขาดน้ำหลังจากนั้น 2-3 วันต้นที่เป็นโรคจะแสดงอาการเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด และอีก 4-5 วันต้นดาวเรืองจะตายโดยใบยังมีสีเขียวอยู่ (เชื้อโรคนี้จะเริ่มเข้าทำลายในช่วงหลังจากย้ายปลูก 40-45 วันหลังย้ายปลูกช่วงดาวเรืองเป็นตุ่มตาดอก)
การป้องกันกำจัด
1. เมื่อพบต้นเป็นโรค ให้ถอนทิ้งและเผาทำลาย ห้ามทิ้งในแปลงและลงในน้ำเด็ดขาด
2. หลังจากถอนต้นทิ้งขุดดินบริเวณนั้นตากแดด
3. ปรับเปลี่ยนวิธีการให้น้ำในแปลง อย่าให้น้ำไหลผ่านบริเวณที่เป็นโรคไปยังต้นอื่น (ถึงแม้ถอนต้นที่เป็นโรคทิ้งแล้วก็ตามเพาะเชื้อตัวนี้สามารถแพร่กระจายไปกับ น้ำได้)
4. การดูแลรักษาแปลงปลูก ในช่วงที่พืชกำลังเจริญเติบโตและก่อนออกดอกให้หมั่นตรวจ แปลง ถ้าพบต้นมีอาการผิดปกติ หรือแสดงอาการเป็นโรคให้เห็น ให้รีบถอนทิ้งและ ทำลายพร้อมขุดดินส่วนนั้นผึ่งแดดทิ้งไว้ ในการกำจัดต้นที่เป็นโรคในแปลงควรกำจัดทั้ง รากออกให้หมด ในกรณีที่ต้นเป็นโรคอยู่ในระยะช่วงที่กำลังลุกลามหรือต้นแสดงอาการ เหี่ยวแล้วเชื้ออาจลุกลามไปยังต้นใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นวิธีการกำจัดต้องถอนต้น ที่อยู่ใกล้เคียงกับต้นที่เป็นโรคทิ้งด้วยแม้ต้น นั้นจะยังไม่แสดงอาการ
สเตบโตมัยซิน 120 กรัม
ผสมเมทาแลกซิล 25% 200 กรัม
ผสมน้ำ 200 ลิตร รดโคนต้น
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นยาควรพ่นในช่วงเช้า ก่อน 8.00 นาฬิกา และหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด